Category Archives: OHM-Movement

VGI จับมือ Gongkan ปล่อยคอนเทนต์เก๋

VGI จับมือ Gongkan ปล่อยคอนเทนต์เก๋ สร้างแรงบันดาลใจ “VGI SAVE WATER SAVE LIFE”

บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (“VGI”) ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชั่นส์ บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ร่วมกับ ก้องกาน หรือ คุณกันตภณ เมธีกุล ศิลปิน POP-Art ชื่อดัง ที่มีผลงานโดดเด่นจากศิลปะแบบ Teleport Art มาสร้างสรรค์งานศิลปะทะลุมิติ ชวนคนไทยร่วมใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าภายใต้แคมเปญ “VGI SAVE WATER SAVE LIFE”

นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สภาวการณ์โลกปัจจุบันต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมมากมาย ซึ่งทุกภาคส่วนควรร่วมมือรับผิดชอบต่อการรักษาทรัพยากรโลกร่วมกัน สำหรับ VGI เรามีนโยบายดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 3 ด้านคือ การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน (Water & Energy) ลดการสร้างขยะในการประกอบธุรกิจ (Waste) และการเป็นแพลตฟอร์มสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ (Inspire Platform)

โดยในปีนี้บริษัทให้ความสำคัญด้านสถานการณ์ภาวะน้ำแห้งแล้งของประเทศไทย โดยตั้งคำถามว่า เราจะรอให้ถึงวันที่โลกขาดน้ำ หรือเราจะเลือกใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าในวันที่ยังมีโอกาสจึงเกิดไอเดียชวนคุณก้องกาน มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว เพื่อปลุกจิตสำนึกการประหยัดน้ำ และในฐานะผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณา เราเล็งเห็นการใช้พื้นที่สื่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงกว้าง จึงได้ผลิตคอนเทนต์และแบ่งปันพื้นที่สื่อของเราแก่สาธารณะภายใต้แคมเปญ “VGI SAVE WATER SAVE LIFE” และสิ่งเหล่านี้คือความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกๆฝ่าย

ก้องกาน หรือ กันตภณ เมธีกุล กล่าวว่า ผลงานนี้ตั้งใจแสดงให้เห็น Before and After ของธรรมชาติ ที่ขาดน้ำก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เมื่อมีน้ำชีวิตก็งอกงามอีกครั้ง ดังนั้นเราควรหันมาให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างประหยัด โดยผลงานยังคงเอกลักษณ์สไตล์ Teleport Art นำเสนอออกมาในเชิงสัญญะแต่เข้าใจง่าย เปลี่ยนหลุมดำเป็นน้ำ และสร้างตัวละครออกมาเป็นตัวแทนของคน สัตว์ และธรรมชาติ

ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรต่างๆ นิสิตนักศึกษา และบุคคลทั่วไป ที่สนใจร่วมนำเสนอผลงานสุดครีเอทีฟบนพื้นที่สื่อของ VGI สามารถติดต่อได้โดยตรงได้ทาง VGI Official Facebook https://www.facebook.com/VGIPublicCompanyLimited/

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : siamrath.co.th

MACOรอเวลาต่อยอดธุรกิจ ลุ้นครึ่งปีหลังเม็ดเงินสื่อฟื้น

MACOรอเวลาต่อยอดธุรกิจ ลุ้นครึ่งปีหลังเม็ดเงินสื่อฟื้น

ทันหุ้น – MACO คาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง2563 จะเกิดการ rebound ของผลการดำเนินงานในธุรกิจสื่อโฆษณา หลังครึ่งแรก2563 พิษโควิด-19 กดดัน แจ้งเลื่อนประกาศงบไตรมาส 1/2563 ภายในวันที่ 15 กรกฎาคาม 2563 ส่วนแผนการขยายลงทุนอาจต้องรอดูสถานการณ์ที่เหมาะสม

ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบต่อสื่อโฆษณาโดยเฉพาะสื่อโฆษณานอกที่พักอาศัย (Out of home media) เนื่องจากอิงตรงกับการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลด GDP จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตที่ 2.8% ในปี 2563 เป็นติดลบถึง 5.3% สะท้อนต่อสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

ประกอบกับด้วยสถานการณ์ในตอนนี้มีความไม่แน่นอนสูงและคาดการณ์ได้ยาก ทำให้ระหว่างนี้บริษัทต้องให้การจับตาดูสถานการณ์อยู่ตลอดเพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ทันท่วงที และเพื่อเป็นการลดผลกระทบทางธุรกิจให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาทางบริษัทมีการเจรจาขอให้ลูกค้าเลื่อนเวลาการฉายสื่อโฆษณาไปยังช่วงครึ่งปีหลังแทนการลดราคาหรือยกเลิก เพราะในอนาคตทางบริษัทคาดว่าการขึ้นราคาให้กลับมาตามเดิมจะทำได้ลำบาก

ครึ่งปีหลังเม็ดเงินสื่อฟื้น

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นเในไตรมาสที่ 1/2563/64 และจะ rollover ต่อไปยังไตรมาสที่ 2/2563/64 ดังนั้น ช่วงนี้จึงอาจจะยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับการลงทุนใหม่ๆ เพราะการเข้าไปเจรจาข้อตกลงต่างๆ มีความยากลำบากมากกว่าปกติ โดยหากว่าสถานการณ์คลี่คลายภายในช่วงกลางปีนี้บริษัทคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเกิดการฟื้นตัวกลับมา (rebound) ของผลการดำเนินงานในธุรกิจสื่อโฆษณา โดยทางบริษัทวางแผนที่จะมุ่งลงทุนในธุรกิจสื่อที่มีศักยภาพในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบทวีปอาเซียน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนและเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นที่มีศักยภาพ แต่เบื้องต้นอาจยังไม่สามารถระบุรายละเอียดของกำหนดเวลาได้ชัดเจนเพราะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และต้องรอให้สถานการณ์ในปัจจุบันคลี่คลายลงก่อน

“ต้องยอมรับว่าจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีการขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นในช่วงที่่ผ่านมา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจสื่อโฆษณาและโดยเฉพาะนอกที่พักอาศัย หลักๆ เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้เราคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2563 อาจมีการชะลอไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจ แต่หากว่าสถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลงไปได้ภายในช่วงกลางปี ก็มองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมานตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี เราเองก็ไม่นิ่งนอนใจมีการเข้าไปเจรจากับลูกค้าเพื่อเลื่อนกำหนดการโฆษณาทดแทนการยกเลิกในช่วงครึ่งปีหลัง”

เลื่อนแจ้งงบQ1/63

สำหรับการประกาศงบผลการดำเนินงานรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 ภายในวันที่ 15 กรกฎาคาม 2563เนื่องจากผลกระทบบริษัทย่อยที่จัดตั้งในประเทศมาเลเซีย ทั้งที่ถือหุ้นโดยตรง และถือหุ้นโดยอ้อมในประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซียผ่านVGI Global Media Malaysia Sdn.Bhd.(VGM) โดยรัฐบาลมาเลเซียมีการบังคับใช้มาตรการ The movement Control order(MCD)เพื่อควบคุมการระบาดโควิด-19ซึ่งมีการระบาดในหลายพื้นที่ของประเทศมาเลเซีย จากมาตรการดังกล่าวทำให้บริษัทไม่สามารถจัดทำและส่งงบการเงินรวมฉบับตรวจสอบของบริษัท สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาค2563 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และเพื่อเปิดเผยผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาวันที่ 30 พฤษภาคม 2563

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thunhoon.com

‘อควา’ประกาศปรับชื่อในการให้บริการภายใต้แบรนด์ “AQUA”เพียงชื่อเดียว

‘อควา’ประกาศปรับชื่อในการให้บริการภายใต้แบรนด์ “AQUA”เพียงชื่อเดียว

อควา’ประกาศปรับชื่อในการให้บริการภายใต้แบรนด์ “AQUA” เพียงชื่อเดียว พร้อมชูแคมเปญให้บริการที่ “ดีกว่าเดิม”ในทุกๆวัน

บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA นำโดยนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ถือฤกษ์ดี 12.12 จัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรสำคัญทางธุรกิจ พร้อมแถลงทิศทางการให้บริการในปี 2020 ที่จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางรายได้และก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media)

ปัจจุบัน AQUA มีรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านทั้งที่เป็นป้ายนิ่งและแบบจอเคลื่อนไหว (LED) ปีละกว่า 800 ล้านบาท โดยมีป้ายนิ่งกว่า 360 หน้าป้าย และจอ LED รวมกว่า 120 จอ ทั่วประเทศ  ซึ่ง AQUA ได้ลงทุนผ่านทางบริษัทย่อยคือ บมจ.อควา แอด (AA), บจ. บอร์ดเวย์ มีเดีย (BWM) บจ.เอ็ม.ไอ.เอส มีเดีย (MIS) และ บจ. ส.ธนา มีเดีย ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านงานโฆษณา ส่งผลให้บริษัทมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องเกือบทุกปี  และเพื่อให้บริการของกลุ่มบริษัทฯมีภาพลักษณ์ และการรับรู้ที่ชัดเจน รวมทั้งมีความต่อเนื่อง บริษัทจึงได้ตัดสินใจจะปรับเปลี่ยนชื่อในการให้บริการภายใต้ชื่อ“AQUA” เพียงชื่อเดียว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยปรับสัญลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัยตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น และจะทยอยปรับให้ทุกหน้าป้ายโฆษณาของเรา อยู่ภายใต้ชื่อ ‘AQUA’ ให้เสร็จสิ้นภายในต้นปี 2020

นายอารักษ์ กล่าวว่า ต่อไปนี้การให้บริการของAQUA จะไม่หยุดแค่คำว่า “ดีที่สุด” แต่เราจะให้บริการที่ “ดีกว่าเดิมในทุกๆวันและตลอดไป

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thansettakij.com

“หุ้นกลุ่มสื่อโฆษณา” หุ้นกลุ่มแรกที่จะกลับมา เมื่อวิกฤติผ่านพ้น

หุ้นกลุ่มสื่อโฆษณา หุ้นกลุ่มแรกที่จะกลับมา เมื่อวิกฤติผ่านพ้น

“หุ้นกลุ่มสื่อโฆษณา” เป็นหุ้นแถวหน้าที่ได้รับผลกระทบจากการดิสปรัปชั่น จากการเปลี่ยนผ่านการเสพสื่อที่เปลี่ยนจากรูปแบบเดิมเป็นรูปแบบออนไลน์ ในขณะเดียวการดิสรัปชั่นรอบใหม่ก็เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ส่งผลอย่างไรกับหุ้นกลุ่มสื่อโฆษณาบ้าง เพราะด้วยข้อจำกัดของโควิดบังคับให้ทุกคน ทุกธุรกิจต้องปรับตัว!!

Wealthy Thai เลยรวบรวมข้อมูลมาฝากกันว่านักวิเคราะห์มองหุ้นกลุ่มสื่อสารในช่วงที่มีโรคระบาดอย่างไรบ้าง  และอาจเป็นโอกาสครั้งแรกของกลุ่มสื่อ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายในตลาดหุ้น


กลุ่มสื่อจะฟื้นตัวกลุ่มแรกหลังวิกฤติ


นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล
.) บัวหลวง จำกัด อธิบายว่า บล.บัวหลวงได้ศึกษารูปแบบราคาของหุ้นกลุ่มสื่อในช่วงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ 2 ครั้งล่าสุด คือวิกฤติซับไพรม์ในปี 2551 และวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป 2554 พบว่า หุ้นกลุ่มสื่อเป็นหุ้นกลุ่มแรกที่ฟื้นตัวก่อนสถานการณ์โลกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเสมอ โดยเม็ดเงินโฆษณาปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ในปี 2549 และในปี 2550 และหลังจากนั้นปรับตัวลดลง 3% ในปี 2551 (ซึ่ง Lehman Bros ล้มเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2551 ส่งผลให้เกิด Wall Street Crash) เม็ดเงินโฆษณากลับมาทรงตัว ในปี 2552 หลังจากนั้นก็กลับมาเติบโตแข็งแกร่งที่ 12% ในปี 2553 ในปี 2554 (ช่วงวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป) เม็ดเงินโฆษณาปรับตัว ลดลง 4% แล้วกลับมาฟื้นตัว 12% ในปี 2555

 

จาก 2 เดือนที่ผ่านมาของปี 2563 เม็ดเงินโฆษณาปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (งบโฆษณาส่วนใหญ่ถูกล็อคไว้แล้วตั้งแต่เดือนธ.ค. 2562) จากผลสำรวจอุตสาหกรรมสื่ออย่างไม่เป็นทางการ แสดงให้เห็นว่าเม็ดเงินโฆษณาปรับตัวลดลงอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในเดือนมีนาคม

ทั้งนี้ถ้ามาดูในรายละเอียดอย่างในวิกฤติ 2551 พบว่าราคาหุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวลง เฉลี่ย 59% จากจุดสูงสุดในไตรมาส 2/51 มาถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/51 หลังจากนั้นราคาหุ้นมีการฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ประมาณ 60% ของราคาสูงสุด ในไตรมาส 2/51 หลังจากนั้น 3-6 เดือน สำหรับกำไรของกลุ่มปรับตัวลงเฉลี่ยราว 36% ระหว่างไตรมาส 2/51 และ 4/51 หลังจากนั้นปรับตัวลงอีกไปจนถึงไตรมาส 1/52-2/52 นั่นหมายความว่า ราคาหุ้นกลับมาฟื้นตัวได้ก่อนที่กำไรจะทำจุดต่ำสุด

 

ขณะที่วิกฤติ 2554 พบว่าราคาหุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวลงเฉลี่ย 23% จากระดับสูงสุดในไตรมาส 2/54 ไปทำจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/54 หลังจากนั้นราคาหุ้นมีการฟื้นตัวกลับมาอยู่สูงกว่าระดับสูงสุดในไตรมาส 2/54 หลังจากนั้น 3-6 เดือน


หุ้นสื่อตัวไหนที่นักวิเคราะห์แนะนำ

 

สำหรับวิกฤติปี 2563 ตั้งแต่การแพร่ระบาดของ Covid-19 ราคาหุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวลงเฉลี่ย 52% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม ใกล้เคียงกับช่วง Wall Street Crash ในปี 2551 และปรับตัวลงมากกว่าช่วงวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรปในปี 2554 ดังนั้นเราเชื่อว่าตอนนี้เป็นช่วงท้ายของการขายหุ้นกลุ่มสื่อแล้ว

 

โดยบรรดาหุ้นกลุ่มสื่อที่เราให้คำแนะนำ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรงกว่าค่าเฉลี่ยของการปรับตัวลงในปี 2551 (ลดลง 59%) ประกอบด้วย WORK (-72%) และ PLANB (-67%) ดังนั้นคิดว่าทั้ง WORK และ PLANB จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นแรงกว่ากลุ่มเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น (หรือเมื่อตลาดทำจุดต่ำสุดไปแล้ว) แม้ว่าราคาหุ้น RS จะปรับตัวลงเพียง 44% แต่เรายังเห็นว่า RS เป็นผู้ที่มีแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในภาวะแบบนี้ โดยมองว่ากำไรไตรมาส 1/63 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ 200% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบเชิงลบน้อยกว่าหุ้นสื่อตัวอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม Wealthy Thai มองว่า แม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาในอดีตจะมีสถิติคล้ายกัน แต่นักลงทุนจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินจุดต่ำสุดของสถานการณ์ในปัจจุบันได้ ประกอบกับวิกฤติโควิด-19 นั้นได้รับผลกระทบทั่วโลก สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะรุนแรงกว่าวิกฤติเศรษฐกิจครั้งก่อนๆ จึงอยากให้กำลังใจนักลงทุนให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้น ที่ดัชนีสามารถบวกลบได้วันละ 100 จุด

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : wealthythai.com

Grab แต่งตั้ง MediaDonuts เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาอย่างเป็นทางการ

Grab แต่งตั้ง MediaDonuts เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาอย่างเป็นทางการ

Grab แต่งตั้ง MediaDonuts เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาอย่างเป็นทางการ

‘แกร็บ’ (Grab) ประกาศแต่งตั้ง ‘มีเดียโดนัทส์’ (MediaDonuts) บริษัทด้านสื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีโฆษณา เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาอย่างเป็นทางการของแกร็บแอดส์ (GrabAds) หรือธุรกิจโฆษณาของ แกร็บ ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

ความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้มีเดียโดนัทส์และทีมแกร็บแอดส์ สามารถขยายความช่วยเหลือในการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการซื้อสื่อ ให้แก่นักโฆษณาและการตลาดที่ต้องการใช้ความสามารถเฉพาะของแพลตฟอร์มแกร็บได้ ทีมให้บริการในประเทศจะร่วมมือโดยตรงกับทีมของแกร็บประจำภูมิภาคและในไทย เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำแก่ลูกค้าที่สนใจลงโฆษณา โดยจุดเด่นของแพลตฟอร์มแกร็บแอดส์ คือฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยแอปพลิเคชันแกร็บมีการดาวน์โหลดในมือถือกว่า 166 ล้านเครื่อง

ทั้งนี้ GrabAds เปิดตัวในปี 2561 เป็นต้นมา และได้พัฒนาวิธีโฆษณาต่างๆ เสมอมา เริ่มจากพื้นที่โฆษณาบนรถยนต์ (ติดสติกเกอร์รอบตัวรถ) มาเป็นการแจกสินค้าตัวอย่างบนรถโดยสาร พร้อมทำการตลาดดิจิทัลเพื่อติดตามและย้ำความสนใจ (Remarketing) มาจนถึงการลงโฆษณาในแอปฯแกร็บ พร้อมเครื่องมือการตลาดมากมาย เช่น การให้คะแนนสะสมเพื่อแลกรับรางวัลแก่ผู้ใช้งานที่ชมโฆษณาจนจบ

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : marketingoops.com

เปิดงบฯโฆษณา 2 เดือน โตหวิว 1% แตะ 1.78 หมื่นล้าน

เปิดงบฯโฆษณา 2 เดือน โตหวิว 1% แตะ 1.78 หมื่นล้าน

บริษัทวิจัยนีลเส็น เปิดเผยว่า เม็ดเงินโฆษณาช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 มีการเติบโตขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 และเป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรกของปีนี้ หลังเม็ดเงินเดือนมกราคมลดลง 1%

โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์อุตสาหกรรมโฆษณาของไทยมีเม็ดเงินรวม 2 เดือนอยู่ที่ 17,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสื่อโทรทัศน์รั้งตำแหน่งสื่อที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดด้วยสัดส่วน 58% ของมูลค่ารวม หลังมีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น 458 ล้านบาท เป็น 10,398 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีมูลค่า 9,940 ล้านบาท

ในส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น 3 อันดับแรกที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง เช่นเดียวกับเมื่อเดือนมกราคม ด้วยมูลค่าถึง 2,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม ใช้เม็ดเงินรวม 2,370 ล้านบาท ตามด้วยลำดับที่ 3 กลุ่ม media & marketing มูลค่า 1,685 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม และกลุ่ม media & marketing ยังรั้งอันดับ 2 และ 3 ต่อเนื่องจากเดือนมกราคม พร้อมทั้งใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง 2% และ 6% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เช่นเดียวกับเมื่อเดือนมกราคมที่ทั้ง 2 กลุ่มใช้เม็ดเงินลดลงประมาณ 6-7%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดียวกันนี้กลุ่มยามีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงกว่าปีก่อนถึง 58% เป็นมูลค่า 1,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนมกราคมที่กลุ่มธุรกิจนี้ใช้งบฯโฆษณาสูงกว่าปีก่อน 44% หรือรวม 513 ล้านบาท ไปในทิศทางเดียวกับบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดของเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 3 ลำดับแรก ซึ่งประกอบด้วย ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์สตาร์ และทีวี ไดเร็ค เช่นเดียวกับเดือนมกราคม โดยยูนิลีเวอร์ใช้เม็ดเงินรวม 643 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 52% มีแคมเปญคอมฟอร์ท น้ำเดียว ซันชายน์ เป็นแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ รองลงมาคือ ซันซิลใหม่ 5 เท่า ใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวีไป 25 ล้านบาท และ 24 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนไลฟ์สตาร์ ใช้เม็ดเงินรวม 465 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3% โดยทุ่มงบฯกับแคมเปญ เอส.โอ.เอ็ม. ซีแม็คซ์ ทางสื่อทีวี 32 ล้านบาท และแคมเปญ เอส.โอ.เอ็ม. ไอ-แคร์ มูลค่า 30 ล้านบาท

ด้านทีวี ไดเร็ค ใช้เม็ดเงินไป 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 13% มีแคมเปญหลักคือ เครื่องบดสับปั่น มูลค่า 23 ล้านบาท รองลงมาคือ ชุดม็อปพร้อมถังปั่น SJ MOP รุ่น BABY SHARK มูลค่า 14 ล้านบาท

ทั้งนี้ พีแอนด์จียังคงรั้งอันดับ 4 ของกลุ่มบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดด้วยมูลค่า 314 ล้านบาท แต่ในลำดับ 5 นั้น เนสท์เล่ซึ่งเดิมเป็นอันดับ 6 ได้เบียดแซงลอรีอัลขึ้นมา ด้วยการใช้งบฯ 296 ล้านบาท ในขณะที่ลอรีอัลใช้งบฯรวม 268 ล้านบาท

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : prachachat.net