บริษัทวิจัยนีลเส็น เปิดเผยว่า เม็ดเงินโฆษณาช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 มีการเติบโตขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 และเป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรกของปีนี้ หลังเม็ดเงินเดือนมกราคมลดลง 1%
โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์อุตสาหกรรมโฆษณาของไทยมีเม็ดเงินรวม 2 เดือนอยู่ที่ 17,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสื่อโทรทัศน์รั้งตำแหน่งสื่อที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดด้วยสัดส่วน 58% ของมูลค่ารวม หลังมีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น 458 ล้านบาท เป็น 10,398 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีมูลค่า 9,940 ล้านบาท
ในส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น 3 อันดับแรกที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง เช่นเดียวกับเมื่อเดือนมกราคม ด้วยมูลค่าถึง 2,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม ใช้เม็ดเงินรวม 2,370 ล้านบาท ตามด้วยลำดับที่ 3 กลุ่ม media & marketing มูลค่า 1,685 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม และกลุ่ม media & marketing ยังรั้งอันดับ 2 และ 3 ต่อเนื่องจากเดือนมกราคม พร้อมทั้งใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง 2% และ 6% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เช่นเดียวกับเมื่อเดือนมกราคมที่ทั้ง 2 กลุ่มใช้เม็ดเงินลดลงประมาณ 6-7%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดียวกันนี้กลุ่มยามีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงกว่าปีก่อนถึง 58% เป็นมูลค่า 1,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนมกราคมที่กลุ่มธุรกิจนี้ใช้งบฯโฆษณาสูงกว่าปีก่อน 44% หรือรวม 513 ล้านบาท ไปในทิศทางเดียวกับบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดของเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 3 ลำดับแรก ซึ่งประกอบด้วย ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์สตาร์ และทีวี ไดเร็ค เช่นเดียวกับเดือนมกราคม โดยยูนิลีเวอร์ใช้เม็ดเงินรวม 643 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 52% มีแคมเปญคอมฟอร์ท น้ำเดียว ซันชายน์ เป็นแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ รองลงมาคือ ซันซิลใหม่ 5 เท่า ใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวีไป 25 ล้านบาท และ 24 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนไลฟ์สตาร์ ใช้เม็ดเงินรวม 465 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3% โดยทุ่มงบฯกับแคมเปญ เอส.โอ.เอ็ม. ซีแม็คซ์ ทางสื่อทีวี 32 ล้านบาท และแคมเปญ เอส.โอ.เอ็ม. ไอ-แคร์ มูลค่า 30 ล้านบาท
ด้านทีวี ไดเร็ค ใช้เม็ดเงินไป 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 13% มีแคมเปญหลักคือ เครื่องบดสับปั่น มูลค่า 23 ล้านบาท รองลงมาคือ ชุดม็อปพร้อมถังปั่น SJ MOP รุ่น BABY SHARK มูลค่า 14 ล้านบาท
ทั้งนี้ พีแอนด์จียังคงรั้งอันดับ 4 ของกลุ่มบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดด้วยมูลค่า 314 ล้านบาท แต่ในลำดับ 5 นั้น เนสท์เล่ซึ่งเดิมเป็นอันดับ 6 ได้เบียดแซงลอรีอัลขึ้นมา ด้วยการใช้งบฯ 296 ล้านบาท ในขณะที่ลอรีอัลใช้งบฯรวม 268 ล้านบาท
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : prachachat.net